วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

กฏทองคำ 15 ประการแห่งความสำเร็จ

กฏทองคำ 15 ประการแห่งความสำเร็จ
ใครๆก็อยากรวย แล้วคนที่เค้าจะรวยเค้าทำกันยังไง
บ้านมีกฏบ้าน เมืองมีกฏมือง คนรวยเค้าก็มีกฏในการปฏิบัติเช่นกัน เป็นกฏทองคำ 15 ประการ ใครทำได้สำเร็จแน่นอน

กฎทองคำ 15 ประการ เกี่ยวกับหลักปฏิบัติของผู้ที่ประสบความสำเร็จเพื่อความมั่งคั่ง ร่ำรวย และรุ่งเรืองอย่างยั่งยืน ได้แก่
1. มีเป้าหมายที่สำคัญและแน่นอน
การมีเป้าหมายที่สำคัญและแน่นอนจะทำให้ทุก ๆ พฤติกรรมของเราทั้ง การพูด ความคิด และการกระทำไม่เสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระ คนที่จะมีเป้าหมายที่สำคัญและแน่นอนได้ จะต้องรู้ว่า ตนเองมีความชอบ มีความถนัดในงานประเภทใดบ้าง และอยากจะเป็นอะไรในอนาคต การจะรู้ว่า ตนเองชอบสิ่งใดนั้น จะต้องรู้จักสังเกตอารมณ์ของตัวเองว่า เมื่อไรเราทำสิ่งใดแล้ว มีความสุขหรือเมื่อเจอคนในอาชีพใดแล้ว เรารู้สึกประทับใจ ส่วนความถนัดสามารถรู้ได้จาก คำชมจากคนรอบข้างว่า เราเก่งในเรื่องใดบ้าง เป็นต้น เมื่อมีเป้าหมายแล้ว ให้สร้างเป็น มโนภาพภายในจิตใจ และเขียนติดไว้ในห้องนอนอ่านทบทวนทุกวัน เพื่อสื่อกับจิตใต้สำนึกของเราเอง นอกจากนั้น เป้าหมายของเราควรเก็บไว้ เป็นความลับ จะบอกกล่าวได้ก็แต่คนที่เข้าใจเราจริง ๆ เช่น สามีภรรยา หรือเพื่อนสนิทเท่านั้น เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนมีความลังเลสงสัย ดูถูกดูแคลน และอิจฉาริษยาอยู่ตลอดเวลา น้อยคนนักที่จะเชื่อและช่วยเสนอแนวทางให้ไปถึงซึ่งเป้าหมายนั้น และสิ่งสำคัญที่สุดคือ เราจะต้องไม่ยอมแพ้กับความยากลำบากทั้งปวง ถึงแม้ว่าจะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจสักเพียงไหนและจะต้องใช้เวลานาน สักเพียงใด เราต้องทำได้เพราะ “ท่านทำได้ ถ้าท่านคิดว่า ท่านทำได้”

2. มีความมั่นใจในตัวเอง
ความมั่นใจเกิดจาก การรู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ทุกแง่ทุกมุม ทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน ความชอบและไม่ชอบอะไรบ้าง สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรา ไม่เห่อเหิมไปตามคำเยินยอของผู้อื่น เพราะเรารู้อยู่แล้วว่า เรามีจุดแข็งในด้านนี้ และเมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์เราก็จะไม่ห่อเหี่ยวเศร้าใจ หรือโมโห โกรธามากจนเกินไปนักเพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเป็นจุดอ่อนซึ่งเรากำลังพยายามปรับปรุงแก้ไขอยู่และขอน้อมรับคำติชมด้วยความเต็มใจ ผู้แต่งได้เสนอวิธีการสร้างความมั่นใจคือ

2.1 ขจัดความกลัว มนุษย์ทุกคนมีความกลัวอยู่ 6 ประการ ได้แก่
1) กลัวความยากจน ความยากจนป้องกันได้ด้วยการมีนิสัยประหยัดอดออมและรู้จักใช้จ่ายอย่างพอดี
2) กลัวความชราภาพ สังขารย่อมร่วงโรยไปตามสภาวะธรรมชาติแต่จิตใจของเราต่างหากจะต้องไม่ร่วงโรยไปตามร่างกาย ป่วยกายแต่อย่าป่วยจิต
3) กลัวถูกวิพากษ์วิจารณ์ มนุษย์ส่วนใหญ่รวมทั้งตัวเราเอง มักจะมองเห็นส่วนที่ไม่ดีของผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว และชัดเจนมากกว่า ส่วนดีซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ฉะนั้น เมื่อโดนวิพากษ์วิจารณ์เราต้องเลือกใส่ใจกับคำวิจารณ์ที่มาพร้อมกับทางแก้เท่านั้น คนที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างเดียว เราก็รับฟังแต่จะไม่ใส่ใจแม้ว่าจะเป็นเรื่องจริงก็ตามที
4) กลัวสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ยามรักกันอะไรก็ดูดีไปเสียทุกอย่าง มนุษย์จึ่งไม่อยากสูญเสียสิ่งเหล่านี้ไป แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน
การพลัดพรากเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไปเสียไม่ได้
5) กลัวสุขภาพเสื่อมโทรม หากเราดูแลสุขภาพให้ดีเสียตั้งแต่ต้น เริ่มตั้งแต่การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อดูแลสุขภาพดีก็ไม่จำเป็นต้องกลัวว่า มันจะเสื่อมโทรมไปก่อนวัยอันควร
6) กลัวความตาย ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ หากตอนยังมีชีวิตอยู่เราได้ให้ความเอาใจใส่ดูแลคนที่เรารักเป็นอย่างดีแล้ว การอยู่หรือการตาย ย่อมไม่ต่างกันเพราะคน ๆ นั้น จะอยู่ในใจของเราตลอดไป
2.2 มองโลกในแง่ดี คิดแต่ด้านบวก
ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้ เพียงแต่เราหาทางแก้แล้วหรือยัง
มองสถานการณ์ปัญหาต่าง ๆ ให้ทะลุปรุโปร่ง เลวร้ายที่สุดของเรื่องนี้คืออะไร มีอะไรที่จะช่วยบรรเทาปัญหาเหล่านั้นได้บ้าง เมื่อเราสามารถคลี่คลายปัญหาต่าง ๆ ได้ เราจะเกิดความมั่นใจในตัวเองทันที

3. นิสัยประหยัดอดออม
คนที่ปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จ จะต้องรู้จักประหยัดอดออม เพราะจะทำให้รู้คุณค่าของเงิน และเมื่อจะต้องลงทุน ทำสิ่งใดจึงไม่ผลีผลามและลงทุนตามความเหมาะสม โอกาสที่จะผิดพลาดย่อมมีน้อย จึงทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
4. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และมีความเป็นผู้นำ
คนที่จะเป็นผู้นำได้จะต้องมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อใช้ในการปรับปรุงผลงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คนที่จะมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ได้จะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1) มองสถานการณ์เหนือกว่าผู้อื่น
2) มีสิ่งที่คนอื่นไม่มี
3) ลงมือทำ เลิกผลัดวันประกันพรุ่ง
4) มีพลังชีวิต มีความกระตือรือร้น มีนิสัยทำงานเกินเงินเดือน ผู้นำจะต้องมีลักษณะ ดังต่อไปนี้
มีความรู้ความสามารถ
เชื่อว่าตนเองมีความเชื่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ เหนือกว่าผู้อื่น
รู้จักตนเองอย่างถ่องแท้
กล้ารับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองกระทำโดยไม่โทษผู้อื่น
ปฏิบัติกับคนอื่นเสมือนหนึ่งเป็นคนในครอบครัว
มีความเมตตา รู้จักให้ และเสียสละ
สามารถสร้างแรงจูงใจให้คนรอบข้างได้ และมีเป้าหมายที่สำคัญและแน่นอน
มองภาพรวมเน้นผล รู้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่และอยู่ตรงจุดไหนของทางเดินชีวิต และอีกไกลแค่ไหนกว่าจะถึงเป้าหมาย
ตัดสินใจอย่างรวดเร็วและถูกต้อง
มอบหมายงานได้อย่างถูกต้องตามจริตและความสามารถของลูกน้อง

5. มีจินตนาการ
ผู้ที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายล้วนใช้จินตนาการในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น จินตนาการเป็นสิ่งที่ต้องสร้างขึ้นมา และจะเกิดขึ้น ได้ก็ต่อเมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนและแน่นอน กอปรกับความเชื่อมั่นว่าเราต้องสามารถฟันฝ่าอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ เมื่อจิตมีความนิ่งสงบ ในระดับหนึ่งจึงค่อยสร้างมโนภาพและน้อมจิตถามตัวเองว่า เราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ทางแก้จะมีมากมายหลายวิธี แต่จะมีเพียงวิธีเดียว ที่ใช้ได้ ซึ่งจะรู้ได้โดยการใช้ความรู้สึกเข้าไปทาบว่า อันไหนใช่หรือไม่ใช่ ส่วนใหญ่แล้วจินตนาการ มักเกิดขึ้นตอนสภาวะวิกฤต แต่ในสภาวะปกติ หากจำเป็นต้องใช้จินตนาการก็ต้องสร้างภาวะความกดดันขึ้นมาเช่น ให้คิดว่าถ้าอีกเจ็ดวันเราจะต้องตายจากโลกนี้ไป เราอยากจะทำอะไรบ้าง และเราได้ลงมือกระทำแล้วหรือยัง เป็นต้น

6. มีความกระตือรือร้น
คนที่มีความกระตือรือร้นจะสามารถดึงดูดคนที่พลัง มีความสามารถเข้ามาร่วมทีมได้โดยง่ายเพราะบุคลิกที่ดูมีชีวิตชีวา หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ใคร ๆ ก็อยากเข้าใกล้คบหาสมาคมด้วย ผู้แต่งกล่าวเพิ่มเติมว่า ความกระตือรือร้นอยากจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้อย่างเดียว ยังไม่พอ ต้องลงมือกระทำ ให้เกิดเป็นผลงานด้วย และที่สำคัญจะต้องรู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันอย่างชัดเจน เวลาทำงานก็ทำอย่างเต็มที่ เวลาพักผ่อนก็ไม่เอาเรื่องงานมาเป็นกังวล

7. สามารถควบคุมตนเองได้
การควบคุมตนเองให้ทำในสิ่งที่ตรงตามเป้าหมายทำได้โดยการหมั่นถามตนเองอยู่เสมอว่า ตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ (ทั้งในความคิด คำพูด และการกระทำ) ทำไปทำไม ทำแล้วจะเกิดผลอะไร สอดคล้องกับเป้าหมายของเราหรือไม่ เป้าหมายของเราตอนนี้เป็นรูปเป็นร่างแค่ไหนแล้ว นอกจากนั้น สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การควบคุมอารมณ์โกรธ ต้องบอกตัวเองว่า ห้ามระเบิดอารมณ์ใส่ผู้อื่นโดยเด็ดขาด เพราะจะเกิด ผลเสียมากกว่าผลดี ถึงแม้ว่า เราจะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม เพราะเวลาคนเราทะเลาะกัน ไม่มีใครยอมฟังเหตุผลแน่นอน จึงเป็นการเปล่าประโยชน์ ที่จะมาเอาชนะในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หัดปิดหูปิดตากับเรื่องไร้สาระแล้วเอาเวลามาสานความฝันของเราให้เป็นจริงจะดีกว่า วิธีการควบคุมอารมณ์และคำพูดคือ พูดทีละคำฟังทีละเสียง เพราะเมื่อเราได้ยินเสียงที่ตัวเองพูดทุกคำ เราจะมีความละอาย ที่จะใช้คำพูดรุนแรง และหยาบคาย

8. มีนิสัยทำงานเกินเงินเดือน
คนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องมีความรักในงานที่ทำอยู่ อยากให้งานออกมามีคุณภาพ และรู้สึก ภูมิใจที่ได้ทำงานนั้น ๆ รู้สึกว่าตนเอง มีค่าต่อองค์กร และอยากให้องค์กรมีความเจริญขึ้นไปเรื่อย ๆ การมีนิสัยทำงานเกินเงินเดือน จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก เพราะเมื่อเราตั้งใจทำงานชิ้นหนึ่งจนประสบความสำเร็จจะเกิด ความมั่นใจและมุ่งมั่น ที่จะทำงานให้ดีต่อไป ความสำเร็จก็ย่อมตามมา อย่างไม่ขาดสาย ถึงแม้ว่า จะเจออุปสรรคบ้างก็ไม่ย่อท้อเพราะเป็นงานที่เรารัก และมองปัญหาว่า เป็นส่วนที่จะทำให้งานออกมา สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

9. มีบุคลิกภาพที่ดี
บุคลิกภาพที่ดีคือ การมีความมั่นใจในตัวเอง มีความกระตือรือร้น มีความเป็นผู้นำ ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่น และสามารถควบคุมคำพูด อารมณ์ สีหน้า และการแสดงออกได้เป็นอย่างดี มีกาละเทศะ วิธีการสร้างบุคลิกภาพที่เร็วที่สุดคือ การสร้างภาพคน ที่มีบุคลิกภาพที่น่าประทับใจไว้ในจิตใต้สำนึก แล้วทุก ๆ อิริยาบถเราจะลอกเลียนแบบไปตามนั้น

10. มีความคิดที่ถูกต้องและเที่ยงตรง ได้แก่
มองความจริงตรงตามความเป็นจริง สามารถแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากข้อมูลทั้งหลายได้
ไม่สนใจคำนินทาหรือข่าวโคมลอย ใส่ใจแต่สิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นจริง
ไม่มองโลกเป็นสีขาวหรือดำให้มองเป็นกลาง ๆ เช่น เมื่อประสบความสำเร็จก็ไม่ดีใจจนออกนอกหน้า เพราะถ้าประมาทชะล่าใจ ก็ล้มเหลวได้เช่นเดียวกัน หรือเมื่อผิดหวังก็ไม่เศร้าสร้อยจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้ เพียงแต่ว่าเราหาทางแก้แล้วหรือยัง เป็นต้น
รับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับตัวเรา แม้ว่ามันจะเป็นความเป็นจริงที่เจ็บปวดก็ตามเพื่อนำมาแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้นต่อไป
ไม่วิตกกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เพราะความกังวลไม่ได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น รังแต่จะทำให้สิ่งที่กังวลเป็นจริงขึ้นมา เพราะการย้ำคิดย้ำทำเสมือนเป็นการสะกดจิตตัวเอง
รับฟังข้อมูลแล้วนำมาพิจารณาทุกครั้งโดยยึดหลักกาลามสูตร ได้แก่
อย่าเชื่อเพราะเขาทำตาม ๆ กันมา
อย่าเชื่อเพราะเป็นครูบาอาจารย์หรือคนที่เราเคารพเพราะเขาอาจจจะพูดผิดก็ได้ อย่าเชื่อเพราะฟังดูแล้วมีเหตุมีผลเพราะเขาอาจจะหลอกเราก็ได้ อย่าเชื่อเพราะว่ามันเหมือนกับที่เราคิดไว้เลยเพราะเราก็อาจจะคิดผิดได้เช่นเดียวกัน
อย่าปักใจเชื่อว่าข้อมูลที่ได้รับมา ณ ปัจจุบันนี้จะต้องเป็นจริงไปตลอดกาลเพราะเมื่อมีเหตุและปัจจัยใหม่ ๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงได้เช่น มีข้อมูลใหม่มาหักล้างข้อมูลเดิมหรือข้อมูลเดิมอาจจะล้าสมัยไปแล้วใช้ไม่ได้ เป็นต้น

11. มีความใจจดใจจ่อ
การจดจ่ออยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จนเรื่องนั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยด ีจะเป็นการฝึกจิตให้เป็นสมาธิและมีพลัง เมื่อจิตมีพลังจึงจะสามารถ สานความฝันให้เป็นจริงได้ นอกจากนั้น การทำงานทีละอย่างยังเป็นการฝึกนิสัยอดทนอดกลั้น ไม่ทำตามใจตัวเอง สิ่งเหล่านี้ต้องฝึกจนเป็นนิสัย ต้องบอกตัวเองอยู่เสมอว่า อย่าว่อกแว่กทำงานทีละอย่าง และต้องรู้จักเลือกทำแต่สิ่งที่มีประโยชน์และสำคัญในชีวิต การจะสร้างนิสัยใหม่ได้ จะต้องตระหนักถึง ข้อเสียของนิสัยเดิม และเห็นข้อดีของนิสัยใหม่เสียก่อนเช่น การทำงานหลายอย่างจะจับจด ไม่สำเร็จสักอย่าง จิตก็เป็นกังวล เครียด ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำแต่มีผลงานนิดเดียว สุขภาพก็เสื่อมโทรม แต่ถ้าทำทีละอย่าง งานจะมีคุณภาพ เมื่อได้รับคำชมก็จะมีกำลังใจ ที่จะผลิตผลงานดี ๆ ออกมาเรื่อย ๆ เป็นต้น คนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องมีกรอบความคิดที่ถูกต้องและหมั่นปฏิบัติตาม แนวคิดนั้นอย่างสม่ำเสมอจนเป็นนิสัย

12. มีความสามัคคี
ความสามัคคีในกลุ่มอภิจิตเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งเพราะ คนที่มีความมุ่งมั่น มีความใจจดใจจ่อ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และมีเป้าหมายไปใน ทิศทางเดียวกัน เมื่อร่วมพลังกายพลังใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จะเกิดพลังที่จะสร้างสิ่งที่หวังไว้ให้เป็นจริงได้อย่างแน่นอน แต่คนส่วนใหญ ที่มาร่วมทีมกันแล้วไม่ประสบความสำเร็จเพราะมีนิวรณ์ 5 เป็นตัวขัดขวางอันได้แก่ ความอิจฉาริษยา ความโกรธเกลียดอาฆาตพยาบาท ความเบื่อหน่ายไม่กระตือรือร้น ความลังเลสงสัยโลภมาก และความอยากมีอยากเป็นชิงดีชิงเด่นซึ่งกันและกัน ดังนั้น การจะดึงคนมาร่วมทีม จะต้องเลือกคนที่มีคุณภาพจิตดีเพื่อจะได้ไม่เป็นตัวบั่นทอนกำลังกายและกำลังใจของคนภายในกลุ่ม

13. ไม่กลัวความล้มเหลว
ปัญหาและอุปสรรคเป็นสิ่งที่จะต้องเผชิญและเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไขต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันหมด จงมองสิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องธรรมดา และคิดเสียว่า มันเป็นเหมือนบททดสอบความเข้มแข็งและความกล้าหาญ หากเราผ่านพ้นไปได้เราจึง จะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง เปรียบได้กับว่าว จะลอยสูงได้ก็ต้องปะทะกับลมพายุที่รุนแรง ถ้าว่าวนั้นสามารถประคับประคองจนผ่านวิกฤตไปได้ว่าวนั้นจะลอยสูงเทียมฟ้า ปัญหา อุปสรรค และความล้มเหลวในชีวิตจะเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราดีขึ้น เก่งขึ้น และฉลาดขึ้นทุกวัน ๆ และยังเป็นการฝึกจิตให้อยู่ได้ในทุกสภาวะ คนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น จะต้องมีความเชื่อมั่นว่า สิ่งที่เราทำนั้นมันถูกต้อง และจะพยายามทำต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง จนกว่าความฝัน ที่วาดไว้จะเป็นจริง

14. มีใจกว้าง ได้แก่
รู้จักให้วัตถุและน้ำใจไมตรีตามสมควรโดยที่เราไม่เดือดร้อนและไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ
รู้จักให้อภัยต่อคนที่ทำให้เราโกรธเกลียด หรือคนที่เอาเปรียบเรา เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพจิตใจให้สูงขึ้น นอกจากนั้น จะต้องรู้จักให้อภัยตนเองด้วย เมื่อทำผิดพลาดไปแล้วมันย้อนเวลากลับไปไม่ได้ก็ไม่ควรจมอยู่กับอดีต ในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ทำผิดก็แก้ไขและศึกษาข้อผิดพลาดไว้เป็นบทเรียนจะได้ไม่ทำผิดซ้ำ
เปิดรับความคิดใหม่ ๆ จะเป็นการสร้างพลังชีวิตทำให้เราสามารถอยู่ได้กับทุกคนในทุกสถาวะ แต่เราจะรู้และเลือกว่า ใครคือบุคคลที่เราควรจะเลือกคบ

15. กฏทองคำ คือ ท่านทำได้ถ้าท่านคิดว่าท่านทำได้
อย่าลืมกดถูกใจ กดไลค์ กดแชร์แฟนเพจ
คุณจะได้ไม่พลาดทุกความสำเร็จ

-------------------------------------------------
ติดตามบทความอื่นๆ ได้ที่ :
แฟนเพจทักษะสร้างเงินล้าน : MillionaireSkills หรือสามารถกดได้ที่ลิงค์
https://www.facebook.com/MillionaireSkills

-------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ผู้ติดตาม

Subscribe

Flickr